อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล PPE มีอะไรบ้าง

by prawit
3K views
1.อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล PPE มีอะไรบ้าง

อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เมื่อต้องทำงานเสี่ยง Personal Protective Equipment (PPE)

มาตรา ๒๒ ให้นายจ้างจัดและดูแลให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐานตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ลูกจ้างมีหน้าที่สวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลและดูแลรักษาอุปกรณ์ตามวรรคหนึ่งให้สามารถใช้งานได้ตามสภาพและลักษณะของงานตลอดระยะเวลาทำงาน

9 มาตรฐาน PPE ที่เราจะต้องรู้

  1. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม – สัญลักษณ์ คือ มอก. หรือ TIS
  2. มาตรฐานขององค์การมาตรฐานสากล (International Standardization and Organization) – สัญลักษณ์ ISO
  3. มาตรฐานสหภาพยุโรป (European Standards) – สัญลักษณ์ คือ EN หรือ CE
  4. มาตรฐานประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ (Australia Standards/New Zealand Standards) – สัญลักษณ์ คือ AS/NZS
  5. มาตรฐานสถาบันมาตรฐานแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (American National Standards Institute) – สัญลักษณ์ คือ ANSI
  6. มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น (Japanese Industrial Standards) – สัญลักษณ์ คือ JIS
  7. มาตรฐานสถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทํางานแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (The national Institute for Occupational Safety and Health) – สัญลักษณ์ คือ NIOSH
  8. มาตรฐานสํานักงานบริหารความปลอดภัย และอาชีวอนามัยแห่งชาติ กรมแรงงาน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Occupational Safety and Health Administration) – สัญลักษณ์ คือ OSHA
  9. มาตรฐานสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Fire Protection Association) – สัญลักษณ์ คือ NFPA

หมวกนิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันศีรษะ (Head Protection Devices)

2.หมวกนิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันศีรษะ

หมวกนิรภัย หรือหมวกเซฟตี้ใช้สำหรับป้องกันของแข็งตกกระทบศีรษะ ส่วนใหญ่ตัวหมวกจะทำมาจากพลาสติกแข็ง โลหะ หรือไฟเบอร์กลาส (ใยแก้ว) มีสายรัดศีรษะ ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับศีรษะของผู้สวมใส่ได้ และสายรัดคาง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยล็อกให้หมวกติดอยู่กับศีรษะ เพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ

หมวกเซฟตี้แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ตามการใช้งาน ได้แก่ หมวกเซฟตี้ประเภท

A ทำมาจากพลาสติก หรือไฟเบอร์กลาส นิยมใช้งานกันทั่วไป เช่น งานก่อสร้าง งานในคลังสินค้า หมวกเซฟตี้ประเภท
B ทำมาจากพลาสติก หรือไฟเบอร์กลาส สำหรับใช้งานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าแรงสูงโดยเฉพาะ หมวกเซฟตี้ประเภท
C ทำมาจากโลหะ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน แต่ไม่ควรใช้กับงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า หมวกเซฟตี้ประเภท
D ทำมาจากพลาสติก หรือไฟเบอร์กลาส เหมาะกับใช้ในงานดับเพลิง นอกจากนั้นถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าหมวกเซฟตี้ตามท้องตลาดมีหลายสี ซึ่งบางครั้งในหลายๆ โรงงาน ก็ใช้สีของหมวกเพื่อแยกตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลากรอีกด้วย

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันหู (Ear Protection)

อุปกรณ์เซฟตี้สำหรับป้องกันหู จะช่วยลดแรงกระแทกจากคลื่นเสียงที่อาจเป็นอันตรายกับแก้วหูและกระดูกหู เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้างที่ใช้เครื่องเจาะปูน หรือใช้ในพื้นที่ที่มีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา อย่างโรงงาน หรือคลังสินค้า เป็นต้น อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันหู มี 2 แบบ คือ

  • ที่อุดหู (Ear plug) มีลักษณะเป็นจุกยางเล็กๆ ใช้อุดเข้าไปในรูหู ทำมาจากไฟเบอร์กลาส ยาง โฟม ขี้ผึ้ง หรือฝ้าย ซึ่งที่อุดหูไฟเบอร์กลาสจะป้องกันเสียงได้ดีที่สุด ช่วยลดความดังได้ถึง 20 เดซิเบล แต่ข้อเสียคือแข็ง อาจทำให้ระคายเคืองได้ง่าย ส่วนที่เป็นยาง จะช่วยลดความดังได้ 15-30 เดซิเบล และแบบฝ้าย จะช่วยลดความดังได้เพียง 8 เดซิเบลเท่านั้น
  • ที่ครอบหู (Ear muff) มีลักษณะคล้ายหูฟังแบบไร้สายใช้ครอบหูทั้งสองข้าง บริเวณที่ครอบหูจะมีวัสดุป้องกันเสียงอยู่ แล้วบุทับด้วยโฟม พลาสติก หรือยาง เพื่อใช้เป็นตัวดูดซับเสียงอีกชั้นหนึ่ง ช่วยลดความดังของเสียงได้มากถึง 40 เดซิเบล ที่ครอบหูบางชนิดยังออกแบบให้มีเครื่องมือสื่อสารในตัว เพื่อสะดวกในการประสานงาน โดยไม่ต้องถอดที่ครอบหูออกนั่นเองค่ะ

แว่นนิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันดวงตา (Eye Protection)

3.แว่นนิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันดวงตา

แว่นนิรภัย สำหรับป้องกันดวงตาจากสารเคมี สะเก็ดไฟ เศษวัสดุ หรือเศษฝุ่น ส่วนใหญ่มักสวมใส่ขณะปฏิบัติงานในพื้นที่เขตก่อสร้าง งานเชื่อม-ตัดโลหะ หรืองานทดลองเกี่ยวกับสารเคมี แว่นนิรภัยมีทั้งรูปแบบที่เป็นแว่นตา สำหรับใช้ในงานทั่วไป กับแบบที่เป็นแว่นครอบตา สำหรับใช้ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น งานเจียระไน งานสกัด/กระแทกวัตถุ งานเชื่อมหรือตัดโลหะ รวมไปถึงงานที่เกี่ยวข้องกับแสงจ้า หรือรังสี

ถุงมือนิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันมือและแขน (Hand Protection)

การทำงานในโรงงาน คลังสินค้า หรืองานก่อสร้าง ซึ่งต้องหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ถุงมือนิรภัย จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เซฟตี้ที่จำเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือต้องเลือกถุงมือให้เหมาะสมตามลักษณะของงาน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้หยิบจับอะไรไม่ถนัดหรือการป้องกันที่ไม่ดีพอ ชนิดของถุงมือนิรภัยแบ่งตามลักษณะเนื้องาน ได้ดังนี้

  • ถุงมือใยหิน สำหรับป้องกันความร้อนหรือไฟ
  • ถุงมือใยโลหะ สำหรับงานที่ต้องหั่น ตัด หรือจับของมีคม
  • ถุงมือยาง สำหรับงานไฟฟ้า แต่ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับไฟฟ้าแรงสูง ต้องสวมถุงมือหนังทับอีก 1 ชั้น
  • ถุงมือยางไวนีล/ถุงมือยางนีโอพรีน สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี
  • ถุงมือหนัง สำหรับงานไม้ งานโลหะ งานขัดผิว แกะสลัก หรืองานเชื่อมที่ไม่ได้ใช้ความร้อนสูง
  • ถุงมือหนังเสริมใยเหล็ก สำหรับงานหลอมหรือถลุงโลหะ
  • ถุงมือผ้า สำหรับงานทั่วไปที่ต้องหยิบจับสิ่งของ ใช้เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหรือของมีคมอย่างมีด
  • ถุงมือผ้าแบบเคลือบน้ำยา สำหรับงานที่ต้องสัมผัสสารเคมีเล็กน้อย เช่น งานบรรจุกระป๋อง หรืองานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร

เสื้อนิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันลำตัว (Body Protection Equipment)

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันลำตัว เรียกว่า เสื้อนิรภัย ใช้ป้องกันอันตรายจากสารเคมี ความร้อน ตะกั่ว หรือสะเก็ดไฟ ซึ่งเสื้อนิรภัยที่ใช้ในงานต่างชนิดกันก็ทำมาจากวัสดุต่างกัน เช่น

  • เสื้อนิรภัยป้องกันสารเคมี จะทำจากโพลีเมอร์ที่ทนต่อฤทธิ์ของสารเคมีได้
  • เสื้อนิรภัยกันความร้อน ทำจากผ้าทอเส้นใยแข็งเคลือบผิวด้านนอกด้วยอะลูมิเนียม
  • ถ้าต้องการใช้เพื่อป้องกันการติดไฟ ต้องใช้เสื้อนิรภัยที่ชุบด้วยสารป้องกันไฟ
  • เสื้อนิรภัยตะกั่ว ทำจากผ้าใยแก้วฉาบผิวด้วยตะกั่ว ใช้สำหรับป้องกันร่างกายจากรังสีต่างๆ
  • เสื้อสะท้อนแสง ใช้สำหรับสวมใส่ทับเสื้อผ้าปกติ ในงานที่ทำในพื้นที่แสงสว่างน้อย ที่อับ หรือที่แคบ มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สวมเพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็น เช่น งานก่อสร้างบริเวณทางด่วน งานที่ทำบนที่สูง บนท้องถนน งานสำรวจอาคาร ฯลฯ โดยปกติแล้วเสื้อสะท้อนแสงจะมองเห็นได้ง่ายทั้งเวลากลางวันและกลางคืน มีหลากหลายสี เช่น สีเหลือง สีส้ม และสีเขียว

รองเท้านิรภัย อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันเท้า (Foot Protection)

รองเท้านิรภัยอุปกรณ์เซฟตี้ที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงกระแทก ป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนิ้วเท้า เท้า และข้อเท้า มีหลายชนิด เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น

  • รองเท้านิรภัยแบบหัวโลหะ รับน้ำหนักตัวได้มากถึง 1,100 กิโลกรัม และทนแรงกระแทกของวัตถุที่หนักราวๆ 20 กิโลกรัมได้เป็นอย่างดี เหมาะกับผู้ทำงานก่อสร้าง
  • รองเท้านิรภัยแบบหุ้มข้อ ทำจากยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ ใช้เป็นฉนวนกันกระแสไฟในงานไฟฟ้า
  • รองเท้านิรภัยแบบหุ้มแข้ง ใช้ในงานถลุงโลหะ หลอมโลหะ และงานเชื่อมต่างๆ สำหรับป้องกันความร้อนจากการถลุงและป้องกันการกระเด็นของโลหะที่หลอมเหลว
  • รองเท้านิรภัยแบบพื้นไม้ ใช้ในโรงงานที่พื้นเปียกชื้นตลอดเวลา เช่น โรงงานผลิตเบียร์ เป็นต้น
  • รองเท้าบูธยาง ทำจากไวนิล นีโอพรีน ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์ที่สามารถทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีได้ มีทั้งแบบหัวรองเท้าธรรมดาและหัวโลหะ สำหรับใส่ในโรงงานทั่วไป มีแบบหัวรองเท้าเสริมเหล็ก สำหรับใช้ในอุตสาหรกรรม รองเท้าบูธยางจะมีพื้นหนา ช่วยกันลื่น กันของมีคม ทนน้ำมัน กรด สารเคมี และป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ สามารถใช้ในงานเกี่ยวกับปิโตรเคมีได้

PPE ทั้งหลายเหล่านี้เป็นหน้าที่ของนายจ้างซึ่งส่วนใหญ่จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย จป. เป็นคนคอยช่วยดูแลในองค์กรควรมี จป. ทุกระดับตามกฎหมายกำหนดเช่น จป.หัวหน้างาน จป.บริหาร จป.เทคนิค จป.วิชาชีพคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในการทำงาน

หากสนใจติดต่อด้านการฝึกอบรม จป. https://jorporthai.com/ มีบริการฝึกอบรม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

logo จปไทย - master

Copyright @2024  All Right Reserved – Designed and Developed by Jorporthai